JAPANDI คือสไตล์การตกแต่งบ้านที่ผสมผสานกันระหว่าง Scandinavian (สแกนดิเนเวียน) และ Japan (ญี่ปุ่น) ที่มีความเรียบง่าย มีประโยชน์ใช้สอย เป็นธรรมชาติและตกแต่งด้วยงานฝีมือ ซึ่งเป็นแนวคิดที่มาจาก Hygge (ฮูก้า) ของชาวเดนมาร์ก หมายถึง ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยไร้กังวล สุขสบาย กับแนวคิดแบบ Wabi Sabi (วาบิ-ซาบิ) ของญี่ปุ่น ที่มีรากฐานมากจากความเข้าใจในธรรมชาติแบบพุทธศาสนา นิกายเซน โอบอุ้มความไม่สมบูรณ์ในตัว มารวมกันเป็นสไตล์ JAPANDI
ค่านิยมการใช้ชีวิตที่ยึดโยงอยู่กับธรรมชาติของชาวสแกนดิเนเวียน จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบไลฟ์สไตล์การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมนอกบ้านที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเมื่อฤดูหนาวที่ยาวนานมาถึง ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในการทำกิจกรรมนอกบ้าน เราจึงได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ที่ชาญฉลาดในการหยิบเอาความเรียบง่าย วัสดุเฟอร์นิเจอร์ที่โชว์พื้นผิวแบบธรรมชาติ โทนสีที่อบอุ่น สว่าง และสบายตา การออกแบบให้ห้องโปร่ง โล่ง เพื่อให้บ้านได้มีแสงจากธรรมชาติเข้าถึงเพื่อมาเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึกถึงการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
แนวคิดของทั้งสอง ตั้งอยู่บนความอบอุ่นและเรียบง่าย เป็นหลัก เมื่อทั้งสองดีไซน์ถูกนำมารวมกัน ถูกเสริมด้วยฟังก์ชั่นเจ๋งๆ พื้นผิวธรรมชาติที่เติมความอบอุ่นได้ในทุกห้องอย่างพื้นผิวของไม้ อยู่บนพื้นที่แบบ open space
การตกแต่งมีองค์ประกอบดังนี้
1. ต้องใช้โทนสีที่อ้างอิงจากธรรมชาติ
หลายคนอาจคิดว่า สีหลักอาจจะต้องเป็นกำแพงขาวโล่ง แต่ในความจริงแล้ว เราสามารถรับเอาสไตล์ Scandi ที่สร้างสรรค์เอาโทนสีจากธรรมชาติอื่นๆ มาใช้ได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้น ผนัง หรือแม้แต่สีของเฟอร์นิเจอร์อย่างสีเขียวของใบไม้ สีน้ำตาล เบจ ของพื้นดิน หรืออะไรที่ออกจะเอิร์ธโทนอย่างที่เราคุ้นกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้บ้านของเราน่าเบื่อจนเกินไป และการหยิบสีเหล่านี้มาจับคู่พื้นผนังกับเฟอร์นิเจอร์ ก็เป็นอีกคงามคิดสร้างสรรค์ที่สามารถนำมาแต่งบ้านให้ดูสนุกๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้
2. มีองค์ประกอบพื้นผิวจากธรรมชาติ
ทั้ง Scandi และ Japanese Minimalist ต่างหยิบความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติของไม้มาใช้ นอกจากไม้แล้ว เรายังสามารถหยิบผิวสากๆ ของดิน หิน เปลือกไม้ มาใช้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะพื้น ผนัง ท็อปโต๊ะ เคาน์เตอร์ หรือแม้แต่พื้นผิวบนเฟอร์นิเจอร์ ที่สามารถโชว์ลวดลายธรรมชาติได้ การเติมความอบอุ่นในทุกห้องอย่างพื้นผิวของไม้ ในพื้นที่แบบ open space ก็เป็นการดึงเอาสเน่ห์ของทั้งสองสไตล์มาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว หรือการทำ Houseplant ที่หยิบเอาธรรมชาตินอกบ้านมาไว้ข้างในบ้านกับเราด้วย อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่า วิถีชีวิตของชาวสแกนดิเนเวียน มักจะยึดโยงอยู่กับธรรมชาติเสมอ ลองหยิบเอาต้นไม้มาใช้แทนของตกแต่งกระจุกกระจิก เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติ ความอบอุ่นให้กับบ้านมากขึ้น และยังช่วยลบเหลี่ยมมุมของห้องสี่เหลี่ยม ไม่ให้มันแข็งทื่อจนเกินไป
3. ใช้เส้นสายง่ายๆ แบบ Simple
หากไม่อยากให้บ้านจืดชืดจนเกินไป และคิดอยากจะเติมเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสาย หรือลวดลายอะไรลงบนหน้าต่าง ประตูแล้วล่ะก็ ควรเลือกเป็นเส้นสายที่เรียบง่าย เส้นตรง เส้นโค้ง ที่ไม่พันกัน อยากให้หลีกเลี่ยงพวกเหล็กดัดที่มีลวดลาย หรือสีสัน เพราะมันจะให้ความรู้สึกยุ่งเหยิง และไม่เข้ากันกับดีไซน์ในบ้าน สิ่งที่มีเส้นสายที่ไปด้วยกันได้จะเป็นพวกฉากกั้นไม้ไผ่ เก้าอี้หวาย หรือหมอนอิงลายทาง เป็นต้น
4. เปิดพื้นที่ให้โอบรับแสงจากธรรมชาติ
ไม่มีแสงไหนจะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติได้เท่าแสงแดดอีกแล้ว และอาจเพราะหน้าหนาวที่ยาวนานของแถบสแกนดิเนเวียน พวกเขาจึงมักออกแบบบ้านให้มีหน้าต่างบานใหญ่ เพื่อโอบรับแสงแดดจากธรรมชาติมาคอยให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว การมีหน้าต่างบานใหญ่เป็นการเพิ่มความโปร่ง โล่ง ทั้งนี้หากจะปรับให้เข้ากับประเทศเมืองร้อนแบบบ้านเราก็สามารถทำได้ แต่คงจะต้องใช้เป็นม่านสองชั้น และใช้ม่านโปรงกรองแสงอีกขั้นเพื่อป้องกันความร้อนที่มากเกินไป